บทบาทของ Cloud Technology ต่อธุรกิจ

ภายใต้ผลกระทบจาก COVID-19

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ส่งผลมหาศาลต่อองค์กรธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม หลายประเทศรวมถึงประเทศไทยจำเป็นต้อง Lockdown ปิดประเทศเพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัส ส่งผลให้ธุรกิจจำนวนมากหยุดชะงักลง บางบริษัทจำเป็นต้องพักงานพนักงาน หยุดการทำงานชั่วคราว รวมถึงออกนโยบายให้พนักงานทำงานที่บ้าน (Work from home) ขึ้นอยู่กับว่าธุรกิจนั้น จะสามารถรับมือได้มีประสิทธิภาพแค่ไหน

แต่ละองค์กรมีวิธีรับมือต่อสถานการณ์โควิด-19 แตกต่างกันไป องค์กรส่วนมากจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจเพื่อให้เข้ากับช่วงวิกฤตทั้งเศรษฐกิจและโรคภัย ดังนั้น Cloud Technology จึงเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการช่วยจัดการธุรกิจให้เป็นระบบระเบียบและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจ

เข้าสู่ยุค New Normal อย่างเต็มรูปแบบ

Work from home กลายมาเป็นชีวิตประจำวันปกติรูปแบบใหม่ หรือ ชีวิตแบบ ‘New Normal’ ที่ในอนาคต แม้ว่าโรคไวรัสโควิด-19 จะหมดไป ก็จะยังคงอยู่ ดังนั้นเทคโนโลยีคลาวด์ จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกต่อการทำงานทางไกล

Cloud Technology นั้น ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่เลยแม้แต่นิด มันอยู่รอบตัวเรา ในชีวิตประจำวันของเรา อย่างเช่นการดูหนังผ่านNetflix การพิมพ์ข้อความผ่านไลน์ เล่นเฟซบุ๊ค รวมถึงการสั่งอาหารผ่านgrab แอปพลิเคชั่นและแพลตฟอร์มจำพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Cloud Technology ประเภท Software as a Service (SaaS) โดยที่ผู้ใช้หรือองค์กรไม่จำเป็นต้องสร้างระบบหรือจ่ายค่าดูแลระบบด้วยตัวเอง เพียงแค่ใช้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชั่นผ่านอินเทอร์เน็ต เท่านี้ก็สามารถเรียกใช้งานผ่านคลาวด์จากที่ไหนและเมื่อไรก็ได้ โดยอาศัย Software ระบบของผู้ให้บริการ ที่ถูกสร้าง บริหารจัดการ และประมวลผลมาเสร็จสรรพเรียบร้อย มีหลากหลายองค์กรที่นำ Cloud Technology ประเภท SaaS มาใช้ ยกตัวอย่างเช่น Microsoft Office หรือ Workday

นอกจาก SaaS แล้ว ยังมีการใช้งานอีก 2 ประเภทที่เป็นที่นิยม Infrastructure as a Service (IaaS) ที่ให้ใช้บริการโครงสร้างพื้นฐานของระบบคอมพิวเตอร์ในระบบเสมือน หรือ Virtualization โดยการจัดสรร หน่วยประมวลผล (Server), ระบบเครือข่าย (Network) และ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล (Storage) ให้ได้ใช้งานโดยที่เราไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ และ Platform as a Service (PaaS) ที่ให้บริการ Server เช่นกัน แต่จะเพิ่มส่วนของฐานข้อมูล (Database) และระบบปฏิบัติการ (Operating system) เข้าไป โดยเน้นการใช้งานประเภทการพัฒนาเว็บและโมบายแอปพลิเคชั่น

เรียนรู้ประโยชน์ รวมถึงความเสี่ยงของ…Cloud Technology

ปฏิเสธไม่ได้ว่า Cloud Technology นั้นมีประโยชน์ทางด้าน ประสิทธิภาพในการช่วยจัดการ ช่วยให้องค์กรธุรกิจทำงานง่ายและยืดหยุ่นมากขึ้น โฟกัสกับงานส่วนอื่นได้มากขึ้นเพราะไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปยุ่งวุ่นวายกับการบริหารจัดการด้านไอที อีกทั้งยังเข้าถึงง่ายได้ทุกที่ทุกเวลาเพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต ประหยัดทั้งเวลา รวมถึงลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย

อย่างไรก็ตาม Cloud Technology นั้น อาจจะไม่ได้เหมาะสมกับองค์กรของคุณเสมอไป หรือไม่ก็อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกแรกที่คุณต้องการจะนำมาใช้ หลายองค์กรยังคงไม่มั่นใจกับการเลือกใช้เทคโนโลยีคลาวด์ ยกตัวอย่าง 3 ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความลังเลและความกังวลในการนำ Cloud Technology เข้ามาใช้

  1. กังวลด้านความปลอดภัย
  2. กังวลข้อมูลรั่วไหลหรือสูญหาย
  3. กังวลว่ากลัวจะเสียการควบคุม

คุณคงจะเคยได้ยินกรณีที่บริษัททำข้อมูลลูกค้าหลุดเพราะแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้ นี่คือหนึ่งสาเหตุที่ก่อให้เกิดความลังเลต่อการเลือกใช้ Cloud Technology ในองค์กรธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น บริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ Capital One Financial Corp. ที่เกิดความผิดพลาดในการตั้งค่าบนคลาวด์ ส่งผลให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้หลายล้านราย

ดังนั้น องค์กรที่นำ Cloud Technology มาใช้ จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ต้องมีการกำหนดความปลอดภัย (Security Configuration) ปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับองค์กร ต้องมีการควบคุมการเข้าถึง (Access Control) มีการเข้ารหัสข้อมูล (Data encryption) การตรวจสอบการใช้งานในเครือข่าย รวมถึงต้องคอยให้ข้อมูลเรื่องความปลอดภัยกับพนักงานอีกด้วย

ประเภทของ Cloud … เลือกให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

Cloud นั้น มีอยู่ด้วยกันหลากหลายแบบ สามารถเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสม

คลาวด์สาธารณะ (Public Cloud)

คือคลาวด์ประเภทที่อนุญาตให้ทุกคนที่มีอินเทอร์เน็ต สามารถใช้งานเพื่อเข้าถึงข้อมูลได้ โดยต้องทำการเช่าหรือสมัครสมาชิก และต้องมีข้อมูลเพื่อเข้าสู่ระบบ ข้อดีของคลาวด์ประเภทนี้คือง่ายต่อการใช้งานและเชื่อมต่อ รวมถึงมีความน่าเชื่อถือสูงเนื่องจากใช้งานผ่านระบบของผู้ให้บริการชั้นนำ อย่างเช่น Google Cloud Platform ที่มี Server ขนาดใหญ่ครอบคลุมหลายพื้นที่

คลาวด์ส่วนตัว (Private Cloud)

          มีความปลอดภัยมากกว่าเมื่อเทียบกับคลาวด์แบบสาธารณะ องค์กรใหญ่ๆ ที่เก็บข้อมูลลูกค้าไว้นอกประเทศมักเลือกใช้คลาวด์แบบส่วนตัว โดยการเช่า Server ส่วนตัวจากผู้ให้บริการ หรือสร้างคลาวด์ส่วนตัวขึ้นมาเอง เพราะสามารถจัดสรรพื้นที่สำหรับเก็บข้อมูลได้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังปลอดภัยและสามารถจำกัดการเข้าถึงข้อมูลได้ อย่างเช่น Amazon Virtual Private Cloud (Amazon VPC) ซึ่งการใช้งานประเภทนี้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าคลาวด์สาธารณะเนื่องจากองค์กรต้องจัดและซ่อมบำรุง ระบบปฏิบัติการรวมถึงทรัพยากรคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ด้วยตัวเอง

คลาวด์แบบไฮบริด (Hybrid Cloud)

คือการใช้งานคลาวด์สาธารณะและคลาวด์ส่วนตัวร่วมกัน นับว่าเป็นการใช้งานแบบผสมผสานที่ช่วยดึงข้อดีและกลบข้อเสียของแต่ละประเภท ประโยชน์ของการใช้งานแบบไฮบริดนั้น คือมีทั้งความยืดหยุ่นของการใช้งานแบบคลาวด์สาธารณะ ในขณะเดียวกันก็สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยเพราะสามารถจัดเก็บข้อมูลลูกค้าเอาไว้ในคลาวด์ส่วนตัวได้

อย่างไรก็ตาม จำเป็นอย่างยิ่งที่องค์กรจะต้องให้ความสำคัญต่อระบบรักษาความปลอดภัย เพราะการใช้งานแบบระบบไฮบริดนั้น ไม่ได้รับประกันความปลอดภัยของข้อมูลได้เท่ากับการใช้งานคลาวด์ส่วนตัวเพียงอย่างเดียว มันจึงมีความเสี่ยงเมื่อต้องรับหรือส่งข้อมูล แม้ว่าจะมีการตั้งรหัสเข้าถึงข้อมูลแล้วก็ตาม

นอกจากที่กล่าวข้างต้นแล้ว ก็ยังมีคลาวด์ประเภทใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตามความนิยมในการใช้งาน อย่างเช่น มัลติคลาวด์ (Multi-Cloud)

        คือการนำคลาวด์จากผู้ให้บริการหลากหลายรูปแบบมาใช้งานร่วมกัน เพื่อจุดประสงค์ 2 อย่างหลักๆ คือการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุด สำหรับเนื้องานแบบเฉพาะ และการปิดช่องโหว่ในการผูกมัดกับผู้ให้บริการเพียงรายเดียว

ไม่ว่าจะ Cloud แบบไหน ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Cloud Technology

มีประโยชน์ต่อองค์กร ธุรกิจ รวมถึงชีวิตประจำวันของผู้คน

ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดของ Cloud Technology คือความยืดหยุ่นในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ขององค์กรหรือธุรกิจ รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ในเชิงธุรกิจ อย่างเช่นข้อมูลการขาย หรือการเงิน การเข้าถึงข้อมูลที่สามารถทำได้ที่ไหนเมื่อไรก็ได้ แถมยังช่วยให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับว่าเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการนำมาใช้ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผู้คนต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานในชีวิตประจำวัน

นอกจากนั้นแล้ว ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว มีทั้ง อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 5G, ข้อมูลขนาดใหญ่บนโลกอินเทอร์เน็ต (Big Data) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) การใช้ Cloud Technology ที่สามารถช่วยให้ทำงานได้อย่างคล่องแคล่วและอิสระนั้น คงจะกลายเป็นวิถีชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่ในอนาคตอย่างแน่นอน

“READY Hosting” จาก READY IDC

ยินดีเป็นผู้ช่วยคนใหม่…ให้คุณ

 

สนใจติดต่อหรือสอบถามรายละเอียดการให้บริการเพิ่มเติมได้ทาง

Email: [email protected] หรือ www.readyidc.com

By Ready IDC