Help your organization adapt to the digital age! Increase agility with Private Cloud from ReadyIDC.

ช่วยให้องค์กรปรับตัวยุคดิจิทัล เพิ่มความคล่องตัวด้วย Private cloud
ช่วยให้องค์กรปรับตัวยุคดิจิทัล เพิ่มความคล่องตัวด้วย Private cloud
          ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ และมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว องค์กรจำเป็นต้องปรับตัวให้ทัน องค์กรที่สามารถปรับตัวได้อย่างฉับไวเท่านั้นที่จะก้าวนำหน้าได้ Private Cloud เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยองค์กรปรับโครงสร้างด้านไอทีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดข้อจำกัดเดิมๆ ที่เกิดจากโครงสร้างพื้นฐานแบบเก่า และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ Private Cloud จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับองค์กรที่ต้องการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีได้อย่างสมบูรณ์ สามารถบริหารจัดการข้อมูลได้อย่างปลอดภัย และรองรับการขยายตัวของธุรกิจได้อย่างยืดหยุ่น ช่วยให้คุณสามารถออกแบบโครงสร้างพื้นฐานที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะขององค์กร  Private Cloud ช่วยให้องค์กรสามารถออกแบบระบบ IT ให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง ลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ และรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลสำคัญ นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ รองรับ Workload ที่ต้องการทรัพยากรสูง เช่น ระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแอปพลิเคชันที่ต้องการประสิทธิภาพ

Private Cloud คืออะไร?

            Private Cloud คือโซลูชันที่ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างและควบคุมโครงสร้างพื้นฐานไอทีของตัวเองได้อย่างอิสระ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานเฉพาะภายในองค์กร ทำให้สามารถควบคุมและบริหารจัดการทรัพยากรระบบคลาวด์ได้อย่างเต็มที่/  ต่างจาก Public Cloud ที่ต้องแชร์ทรัพยากรกับผู้ใช้รายอื่น โซลูชั่นนี้ยังมอบความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย และความยืดหยุ่นในการปรับแต่งระบบให้ตรงกับความต้องการขององค์กรมากที่สุด

           ด้วย Private Cloud องค์กรสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและสอดคล้องกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยของข้อมูล (Compliance) ที่เข้มงวด เช่น ISO 27001 หรือ GDPR ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง เช่น สถาบันการเงิน หน่วยงานภาครัฐ และบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับข้อมูลสำคัญ Private Cloud ยังช่วยให้สามารถควบคุมทรัพยากรไอทีได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับปริมาณงาน (Workload) ที่แตกต่างกันไปตามความต้องการขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือแอปพลิเคชันทางธุรกิจที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

           อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของ Private Cloud คือความสามารถในการปรับขยายระบบได้อย่างยืดหยุ่น องค์กรสามารถเพิ่มหรือลดทรัพยากรการประมวลผล พื้นที่จัดเก็บข้อมูล และเครือข่ายได้ตามความต้องการโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอกมากเกินไป ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงด้านต้นทุนในระยะยาว นอกจากนี้ Private Cloud ยังสามารถปรับแต่งนโยบายการเข้าถึงข้อมูล ระบบรักษาความปลอดภัย และกระบวนการทำงานต่างๆ ให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติขององค์กรได้อย่างอิสระ เมื่อพูดถึงประสิทธิภาพ  ช่วยให้แอปพลิเคชันและระบบภายในองค์กรสามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้น ลดปัญหาความล่าช้าที่เกิดจากการแชร์ทรัพยากรกับผู้ใช้รายอื่น พร้อมรองรับการทำงานแบบอัตโนมัติและการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นโซลูชันที่เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความปลอดภัย ความเสถียร และการควบคุมระบบไอทีแบบครบวงจร เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

           Private Cloud เป็นระบบคลาวด์ที่ออกแบบมาให้ใช้งานเฉพาะภายในองค์กร ช่วยให้สามารถบริหารจัดการทรัพยากร IT ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเพิ่มความปลอดภัยและการควบคุมที่ดีกว่า Public Cloud เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ความเสถียรของระบบ และการกำหนดนโยบายด้านไอทีที่ตรงกับความต้องการขององค์กร

 

Private Proxmox HCI คืออะไร?

            Private Proxmox HCI (Hyper-Converged Infrastructure) เป็นโซลูชันที่ผสานรวมเทคโนโลยีต่างๆ เข้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียว โดยเน้นการรวมเซิร์ฟเวอร์การประมวลผล (Compute), พื้นที่จัดเก็บข้อมูล (Storage), และเครือข่าย (Network) ให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพในระบบเดียว ซึ่ง Proxmox HCI ใช้ซอฟต์แวร์ Proxmox VE (Virtual Environment) ที่เป็นโอเพ่นซอร์สในการจัดการ Virtual Machines (VM) และ Containers ที่สามารถจัดการระบบได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ โครงสร้างแบบ HCI ช่วยให้การสร้างและจัดการระบบไอทีในองค์กรทำได้ง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องมีการแยกส่วนต่างๆ อย่างชัดเจนเหมือนกับโครงสร้างแบบเดิมๆ ที่ต้องจัดการทรัพยากรในแต่ละส่วน เช่น เซิร์ฟเวอร์แยกจากพื้นที่เก็บข้อมูลและเครือข่าย การรวมระบบทุกอย่างไว้ในแพลตฟอร์มเดียวทำให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนของการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน

           สำหรับองค์กรที่เลือกใช้ Private Proxmox HCI จะสามารถเพิ่มความยืดหยุ่นในการขยายระบบได้ตามต้องการ เนื่องจากสามารถเพิ่มเซิร์ฟเวอร์หรือพื้นที่เก็บข้อมูลได้อย่างรวดเร็วเมื่อธุรกิจขยายตัว นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนการใช้งาน เพราะไม่จำเป็นต้องลงทุนในระบบแยกส่วนหลายๆ ระบบในโครงสร้างเดิมๆ โดยการใช้งานโซลูชั่นนี้จะทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องของฮาร์ดแวร์และลดภาระการจัดการระบบจากผู้ให้บริการภายนอก

สิ่งที่ทำให้ Proxmox HCI น่าสนใจคือความสามารถในการจัดการข้อมูลและระบบได้อย่างยืดหยุ่น การทำงานร่วมกันของเซิร์ฟเวอร์ พื้นที่เก็บข้อมูล และเครือข่ายภายในระบบเดียวทำให้ทุกองค์ประกอบในระบบสามารถสื่อสารและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาที่อาจเกิดจากการจัดการระบบที่แยกส่วนกัน นอกจากนี้ Proxmox VE ยังช่วยให้องค์กรสามารถสร้าง Virtual Machines (VMs) และ Containers ได้ง่ายๆ ด้วยอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างและปรับแต่งระบบ หรือการจัดการทรัพยากรให้เหมาะสมกับธุรกิจ

           การใช้ Private Proxmox HCI ในองค์กรที่ต้องการควบคุมระบบและข้อมูลอย่างเต็มที่จะช่วยให้มีความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากทุกส่วนของระบบถูกควบคุมภายในองค์กรเอง และไม่ต้องพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอก จึงเพิ่มระดับความปลอดภัยในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันข้อมูลสำคัญจากภัยคุกคามทางไซเบอร์หรือการรับประกันว่าองค์กรสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยต่างๆ ได้

ด้วยการผสานความสามารถของ Proxmox VE และการออกแบบระบบ HCI แบบ Private Cloud จะช่วยให้องค์กรสามารถประหยัดต้นทุนในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานไอที และสามารถพัฒนาระบบที่มีความยืดหยุ่น ปลอดภัย และสามารถขยายระบบได้ตามความต้องการในอนาคต

 

5 เหตุผลทำไมต้องเลือก Private Cloud กับ Ready IDC
5 เหตุผลทำไมต้องเลือก Private Cloud กับ Ready IDC

5 เหตุผลที่ต้องเลือก “Private Cloud” เพื่อช่วยองค์กรปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล

          ในโลกธุรกิจยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องเผชิญ การเลือกใช้ Private Cloud เป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยองค์กรให้ก้าวข้ามข้อจำกัดเดิม ๆ ในการบริหารจัดการทรัพยากรไอที และปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในยุคที่ข้อมูลและความคล่องตัวมีความสำคัญมากขึ้น โดยการใช้ Private Cloud จะช่วยให้องค์กรสามารถควบคุมการเข้าถึงข้อมูลได้เต็มที่ เพิ่มความปลอดภัย และสามารถปรับขยายระบบได้ตามความต้องการ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 5 เหตุผล ที่ทำไม Private Cloud จึงเป็นโซลูชันที่องค์กรไม่ควรมองข้ามในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล

  1. เสริมความปลอดภัยให้กับข้อมูลองค์กร – ลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ ด้วยระบบที่องค์กรควบคุมได้เอง

การใช้ Private Cloud ช่วยเสริมความปลอดภัยให้กับข้อมูลขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากระบบนี้สามารถควบคุมและจัดการได้อย่างเต็มที่ภายในองค์กรเอง ซึ่งหมายความว่าองค์กรสามารถกำหนดนโยบายความปลอดภัย การเข้าถึงข้อมูล และการเก็บรักษาข้อมูลในลักษณะที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอกเหมือนใน Public Cloud

ตัวอย่าง: สมมุติว่าองค์กรของคุณมีข้อมูลทางการเงินที่สำคัญ เช่น รายการบัญชีลูกค้า หรือข้อมูลที่ต้องเก็บรักษาอย่างเป็นความลับ หากใช้ Private Cloud ระบบนี้จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมการเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างละเอียด เช่น คุณสามารถกำหนดให้พนักงานที่มีสิทธิ์เฉพาะเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ และสามารถตรวจสอบการเข้าถึงในทุกขั้นตอนอย่างโปร่งใส ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการรั่วไหลของข้อมูลไปยังบุคคลภายนอกที่ไม่มีสิทธิ์

ข้อดีของการใช้ Private Cloud เพื่อเสริมความปลอดภัย:

(1.1) การควบคุมการเข้าถึงข้อมูล:

องค์กรสามารถกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเฉพาะเจาะจง ทำให้ข้อมูลสำคัญไม่สามารถถูกเข้าถึงโดยผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต ป้องกันไม่ให้ข้อมูลที่สำคัญถูกเข้าถึงโดยบุคคลที่ไม่มีสิทธิ์

(1.2) การป้องกันจากภัยคุกคามภายนอก:

ระบบ Private Cloud มีการตั้งค่าไฟร์วอลล์และเครื่องมือความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการโจมตีจากแฮกเกอร์และมัลแวร์  ลดความเสี่ยงจากการโดนโจมตีทางไซเบอร์ เช่น การแฮ็กข้อมูลหรือการโจมตีด้วยมัลแวร์

(1.3) การเก็บข้อมูลในที่ปลอดภัย:

การใช้ Private Cloud ช่วยให้ข้อมูลของคุณถูกจัดเก็บในศูนย์ข้อมูลที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ทั้งในแง่ของการเข้าถึงและการสำรองข้อมูล ป้องกันข้อมูลสูญหายหรือเสียหายจากปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้

(1.4)  การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย:

Private Cloud ช่วยให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยและข้อกำหนดทางกฎหมาย เช่น PDPA หรือ GDPR ได้ง่ายขึ้น ช่วยให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างถูกต้อง ลดความเสี่ยงจากการละเมิดข้อกำหนดทางกฎหมาย

  1. เพิ่มความยืดหยุ่นในการขยายระบบ IT– สามารถปรับขนาดทรัพยากรได้ตามความต้องการของธุรกิจ

          ในยุคที่ธุรกิจเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การขยายระบบ IT ให้สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็น Private Cloud ช่วยให้องค์กรสามารถปรับขนาดทรัพยากรได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มหน่วยความจำ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล หรือการขยายการประมวลผลเมื่อถึงเวลาจำเป็น ทำให้คุณสามารถตอบสนองต่อการเติบโตของธุรกิจได้ทันที โดยไม่ต้องกังวลกับข้อจำกัดของโครงสร้างพื้นฐานเดิม ๆ

ตัวอย่าง:
สมมุติว่าองค์กรของคุณมีการเติบโตที่รวดเร็วในช่วงเทศกาลที่ต้องการรองรับจำนวนลูกค้าหรือคำสั่งซื้อที่มากขึ้น การใช้ Private Cloud ช่วยให้คุณสามารถปรับขนาดทรัพยากร IT เช่น การเพิ่มหน่วยความจำ (RAM) หรือพลังการประมวลผล (CPU) ได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่ทั้งหมด ซึ่งช่วยให้การขยายตัวขององค์กรเกิดขึ้นได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

ข้อดีของการใช้ Private Cloud เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการขยายระบบ IT:

(2.1) ปรับขนาดได้ตามความต้องการ

 องค์กรสามารถเพิ่มหรือลดทรัพยากร (เช่น พื้นที่เก็บข้อมูล หรือกำลังประมวลผล) ได้ทันทีเมื่อเกิดความต้องการ โดยไม่ต้องซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่ ประหยัดต้นทุนและเพิ่มความคล่องตัวในการจัดการทรัพยากร

(2.2) รองรับการเติบโตของธุรกิจ

ช่วยให้องค์กรสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจำกัดของโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ ช่วยให้องค์กรสามารถขยายธุรกิจได้ตามความต้องการในระยะยาว

(2.3) การปรับขนาดอย่างยืดหยุ่น

 ทำให้สามารถเพิ่มทรัพยากรได้โดยไม่ต้องหยุดทำงานหรือส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานปกติ ความต่อเนื่องในการดำเนินงานไม่ถูกขัดจังหวะระหว่างการปรับขนาด

(2.4) ลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น

คุณสามารถลดขนาดทรัพยากรเมื่อธุรกิจไม่จำเป็นต้องใช้งานจำนวนมาก ลดการสิ้นเปลืองทรัพยากร เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรและลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น

 

 

  1. รองรับ Workload ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง– เหมาะสำหรับงานด้าน AI, Big Data และแอปพลิเคชันที่ต้องการทรัพยากรสูง

ในยุคที่ข้อมูลและเทคโนโลยีมีความซับซ้อนมากขึ้น การทำงานกับ Workload ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการก้าวไปข้างหน้า การใช้ Private Cloud ช่วยให้ธุรกิจสามารถรองรับงานที่ต้องใช้พลังประมวลผลและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลจำนวนมากได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) หรือการใช้เทคโนโลยี AI ที่ต้องการทรัพยากรสูงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและรวดเร็ว

ตัวอย่าง:
องค์กรที่ทำธุรกิจด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น บริษัทที่ให้บริการด้านการวิจัยตลาด หรือบริษัทที่พัฒนาโมเดล AI อาจต้องใช้ Private Cloud เพื่อให้สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยไม่ต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านทรัพยากรที่อาจเกิดขึ้นจากโครงสร้างพื้นฐานเดิม

ข้อดีของการใช้ Private Cloud รองรับ Workload ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง:

(3.1) ประสิทธิภาพการประมวลผลที่รวดเร็ว

 Private Cloud ช่วยให้สามารถใช้พลังประมวลผลที่สูงและเหมาะสมกับงานที่มีความซับซ้อนได้ เช่น การฝึกฝนโมเดล AI หรือการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ ช่วยให้ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

(3.2) การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)

ระบบสามารถรองรับการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่ต้องนำมาวิเคราะห์: ลดปัญหาความล่าช้าในการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ และทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

(3.3) ปรับขนาดได้ตามความต้องการ

เมื่อมีการเพิ่มงานหรือโครงการใหม่ๆ ที่ต้องการทรัพยากรสูง สามารถขยายขนาดระบบได้ทันทีโดยไม่กระทบต่อการดำเนินงานปกติเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการ Workload ที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย

(3.4) ความปลอดภัยของข้อมูล

เนื่องจากข้อมูลทั้งหมดถูกจัดเก็บและประมวลผลใน Private Cloud ระบบจึงสามารถควบคุมการเข้าถึงข้อมูลได้ดีขึ้น ทำให้ข้อมูลสำคัญได้รับการปกป้องจากภัยคุกคามต่างๆ เพิ่มความมั่นใจในด้านความปลอดภัยของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานด้าน AI หรือ Big Data

 

     4. ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว – ลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนจาก Public Cloud และลดต้นทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน

           ลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนจาก Public Cloud ที่อาจบานปลาย ควบคุมงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมลดต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว เปลี่ยนมาใช้ Private Cloud ที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณมีเสถียรภาพมากขึ้น ปลอดภัยกว่า และปรับขยายได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องกังวลกับค่าบริการแฝงหรือข้อจำกัดจากผู้ให้บริการรายอื่น

ตัวอย่างการลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว: บริษัท ABC Manufacturing ใช้บริการ Public Cloud สำหรับเก็บข้อมูลและรันระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) มานานหลายปี แต่พบว่าเมื่อมีการใช้งานมากขึ้น ค่าใช้จ่ายรายเดือนที่ต้องจ่ายให้กับ Public Cloud ก็สูงขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็นและยังไม่ได้ใช้เต็มที่ เมื่อบริษัทตัดสินใจย้ายมาใช้ Private Cloud ภายในองค์กร พวกเขาสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น โดยการลงทุนในเซิร์ฟเวอร์และโครงสร้างพื้นฐานภายในบริษัท ซึ่งไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบริการรายเดือนที่สูงในระยะยาว และสามารถปรับขนาดทรัพยากรให้เหมาะสมกับการใช้งานได้ ผลลัพธ์คือ บริษัท ABC สามารถลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในแต่ละเดือนและประหยัดต้นทุนในการดำเนินงานในระยะยาว ขณะเดียวกันยังสามารถควบคุมระบบและบริการต่างๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น.

​(4.1) ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว

การใช้ Private Cloud ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ Public Cloud เช่น ค่าบริการรายเดือนที่อาจจะเพิ่มขึ้นเมื่อใช้งานมากขึ้น นอกจากนี้ยังลดต้นทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่จำเป็น เช่น การจ้างบุคลากรหรือการดูแลระบบที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน Public Cloud โดยสามารถควบคุมและกำหนดต้นทุนในระยะยาวได้

(4.2)  เสริมความปลอดภัย

ข้อมูลที่จัดเก็บใน Private Cloud อยู่ภายใต้การควบคุมขององค์กร ทำให้สามารถรักษาความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการป้องกันข้อมูลจากการโจมตีภายนอกหรือการรั่วไหลของข้อมูล และสามารถกำหนดนโยบายการเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดและเหมาะสมกับความต้องการขององค์กร

(4.3)  ปรับแต่งได้ตามธุรกิจ

Private Cloud ให้ความยืดหยุ่นในการออกแบบและปรับแต่งระบบให้เหมาะสมกับธุรกิจและ Workflow ขององค์กร โดยไม่ต้องพึ่งพาระบบที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับธุรกิจอื่น การปรับแต่งนี้ช่วยให้การใช้งานและการขยายตัวในอนาคตสามารถตอบโจทย์ได้ดียิ่งขึ้น

(4.4) ประสิทธิภาพสูงและเสถียร

การมีการควบคุมทรัพยากรที่เป็นขององค์กรเองช่วยให้สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างเต็มที่และไม่ต้องแชร์กับผู้ใช้อื่น ทำให้สามารถรองรับการทำงานที่มีภาระสูงและต้องการความเสถียรได้ดี เช่น ระบบที่ต้องการการประมวลผลหรือการจัดเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ การไม่แชร์ทรัพยากรกับผู้อื่นยังช่วยลดปัญหาความล่าช้าหรือการขัดข้องที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานร่วมกัน

(4.5) การเข้าถึงที่รวดเร็วและเชื่อถือได้

ด้วยการมีระบบที่ออกแบบสำหรับองค์กรโดยเฉพาะ Private Cloud ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลและแอปพลิเคชันต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้ เนื่องจากไม่มีการแชร์การใช้งานกับองค์กรอื่น ทำให้ลดปัญหาความล่าช้าในการเชื่อมต่อหรือปัญหาจากการใช้ทรัพยากรร่วมกับผู้อื่น

  1. ควบคุมระบบได้อย่างเต็มที่ สามารถกำหนดนโยบายไอทีและการเข้าถึงข้อมูลได้ตามความต้องการขององค์กร

     การมีความสามารถในการ ควบคุมระบบได้อย่างเต็มที่ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล Private Cloud ช่วยให้องค์กรสามารถกำหนดนโยบายไอทีที่เหมาะสม และควบคุมการเข้าถึงข้อมูลได้ตามที่ต้องการ โดยสามารถตั้งค่าระดับการเข้าถึงข้อมูลให้ตรงกับความต้องการและสิทธิ์ของแต่ละบุคคล ทำให้การจัดการและการปกป้องข้อมูลมีประสิทธิภาพสูงสุด

ตัวอย่าง:
สมมุติว่าองค์กรของคุณมีการแบ่งทีมงานตามความรับผิดชอบต่างๆ เช่น ทีมการเงินที่ต้องเข้าถึงข้อมูลบัญชี ลูกค้า และข้อมูลทางการเงินที่สำคัญ ในขณะที่ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์อาจไม่จำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้น Private Cloud ช่วยให้คุณสามารถตั้งค่านโยบายการเข้าถึงข้อมูลที่แตกต่างกันไปตามบทบาทของพนักงานแต่ละคน ทำให้ข้อมูลสำคัญได้รับการปกป้องจากการเข้าถึงโดยบุคคลที่ไม่มีสิทธิ์

ข้อดีของการควบคุมระบบได้อย่างเต็มที่ใน Private Cloud:

1. การตั้งค่านโยบายการเข้าถึงข้อมูล

สามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลและแอปพลิเคชันให้เหมาะสมกับบทบาทของแต่ละบุคคลในองค์กร  ลดความเสี่ยงจากการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตและช่วยป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล

2. การควบคุมการจัดการทรัพยากร

องค์กรสามารถควบคุมการใช้ทรัพยากร IT เช่น พื้นที่เก็บข้อมูล และการประมวลผลตามความต้องการได้ทันที ช่วยให้องค์กรสามารถใช้งานทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับการทำงาน

3. การตรวจสอบและบันทึกการเข้าถึง: ระบบสามารถตรวจสอบและบันทึกการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างละเอียด เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได

ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและสามารถติดตามกิจกรรมการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเต็มที่

4. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล 

สามารถปรับตั้งค่าระบบความปลอดภัยตามความต้องการขององค์กร เช่น การเข้ารหัสข้อมูล การตั้งรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง หรือการใช้ระบบสองขั้นตอนในการเข้าสู่ระบบ ทำให้ข้อมูลภายในองค์กรได้รับการปกป้องจากภัยคุกคามและการโจรกรรมข้อมูลได้ดีขึ้น


 

ทำไมต้องเลือกใช้ Private Cloud กับ Ready IDC?

  1. โซลูชันครบวงจร– บริการตั้งแต่การออกแบบ ติดตั้ง และดูแลรักษา Private Cloud ให้เหมาะกับองค์กรของคุณ

      การเลือกใช้ Private Cloud กับ ReadyIDC คุณจะได้รับบริการที่ครบวงจรตั้งแต่การออกแบบระบบให้ตรงกับความต้องการขององค์กร การติดตั้งที่รวดเร็วและปลอดภัย ไปจนถึงการดูแลรักษาระบบอย่างต่อเนื่อง ทีมงานของ ReadyIDC จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า Private Cloud ของคุณทำงานได้เต็มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาทางเทคนิค

หากองค์กรของคุณต้องการสร้างระบบ Private Cloud สำหรับการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากและใช้งานแอปพลิเคชันที่ต้องการทรัพยากรสูง ReadyIDC จะออกแบบระบบที่เหมาะสม ตั้งแต่เลือกฮาร์ดแวร์ที่ดีที่สุด จนถึงการติดตั้งที่ปลอดภัยและการดูแลรักษาที่ครอบคลุม  ReadyIDC ให้บริการครบวงจรที่ช่วยให้การติดตั้งและดูแลระบบ Private Cloud เป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพ เพิ่มความมั่นใจในความเสถียรและความปลอดภัยของระบบตลอดเวลา

  1. ทีมงานมืออาชีพ– ผู้เชี่ยวชาญด้าน Data Center และ IT Infrastructure พร้อมให้คำแนะนำและซัพพอร์ตตลอด 24/7

     การเลือกใช้ Private Cloud กับ ReadyIDC ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้าน Data Center และ IT Infrastructure จะให้คำแนะนำและสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง ทีมงานของ ReadyIDC พร้อมให้ความช่วยเหลือทุกเมื่อไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาหรือการให้คำปรึกษาในการปรับปรุงระบบ เพื่อให้ระบบของคุณทำงานได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย

หากเกิดปัญหาในการเข้าถึงข้อมูลหรือระบบของคุณเกิดขัดข้อง ทีมงานของ ReadyIDC จะช่วยคุณแก้ไขได้ทันที โดยไม่มีการล่าช้า สามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วและลดผลกระทบต่อธุรกิจ การได้รับการสนับสนุนตลอด 24/7 จากผู้เชี่ยวชาญช่วยให้คุณมั่นใจว่าองค์กรของคุณจะไม่หยุดชะงักจากปัญหาทางเทคนิค พร้อมทั้งสามารถรับคำแนะนำที่มีคุณภาพในการพัฒนาระบบ IT อย่างต่อเนื่อง

  1. การเชื่อมต่อที่เร็วและเสถียร– พร้อมบริการ Cross Connect และ Cost Connect เพื่อให้เครือข่ายมีประสิทธิภาพสูง

     การเลือกใช้ Private Cloud กับ ReadyIDC คุณจะได้รับการเชื่อมต่อที่เร็วและเสถียร ผ่านบริการ Cross Connect และ Cost Connect ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่าย โดยการเชื่อมต่อกับเครือข่ายภายนอกและภายในระบบได้อย่างรวดเร็วและมั่นคง ทำให้การส่งข้อมูลและการเข้าถึงระบบต่างๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่น

หากองค์กรของคุณต้องการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการต่างๆ เช่น บริการคลาวด์หรือเครือข่ายภายใน ReadyIDC จะจัดให้มีการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและไม่สะดุด เพื่อให้ธุรกิจของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเชื่อมต่อที่รวดเร็วและเสถียรช่วยให้การทำงานขององค์กรไม่หยุดชะงัก สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ทันที ทำให้สามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้เร็วขึ้น

     4. มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล– โครงสร้างพื้นฐานของเราผ่านมาตรฐาน ISO 27001 และ Data Center ที่ปลอดภัย

     การเลือกใช้ Private Cloud กับ ReadyIDC คุณจะได้รับความมั่นใจในด้านความปลอดภัยสูงสุด เพราะโครงสร้างพื้นฐานของ ReadyIDC ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 27001 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลในการบริหารจัดการความปลอดภัยของข้อมูล พร้อมทั้ง Data Center ที่มีระบบป้องกันภัยคุกคามและการเข้าถึงที่ปลอดภัย ทำให้ข้อมูลของคุณได้รับการปกป้องจากการโจมตีทางไซเบอร์และการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต

หากองค์กรของคุณจัดการข้อมูลสำคัญหรือข้อมูลส่วนบุคคล ReadyIDC จะปกป้องข้อมูลของคุณด้วยระบบที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน ISO 27001 ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าข้อมูลจะปลอดภัยจากภัยคุกคาม มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลช่วยให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล ลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์และช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ

ทำไมต้องเลือกใช้ Private Cloud กับ Ready IDC
ทำไมต้องเลือกใช้ Private Cloud กับ Ready IDC

การจัดการที่ดีขึ้นและถูกควบคุมได้อย่างเหมาะสมตามลำดับขั้นของความสำคัญและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ทำให้ทุกฝ่ายในองค์กรสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่เสี่ยงต่อการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่จำเป็นหรือไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูลสำคัญขององค์กร ข้อดีเพิ่มเติมของการใช้ Private Cloud เพื่อควบคุมระบบไอที การควบคุมการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเต็มที่ ทำให้องค์กรสามารถกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างละเอียดตามบทบาทของพนักงาน ทำให้การจัดการข้อมูลมีความโปร่งใสและปลอดภัย 5.2 เพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัย: ด้วยการควบคุมระบบภายในองค์กรเอง ทำให้สามารถใช้เทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กร และการกำหนดนโยบายไอทีที่สอดคล้องกับธุรกิจ สามารถออกแบบระบบไอทีและการเข้าถึงข้อมูลให้สอดคล้องกับแนวทางและนโยบายขององค์กร โดยสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการที่เฉพาะเจาะจง  ส่วนการควบคุมต้นทุนด้วยการที่ระบบ Private Cloud สามารถปรับขนาดได้ตามความต้องการของธุรกิจ องค์กรจะสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการลงทุนที่ไม่จำเป็นในระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ การเลือกใช้ Private Cloud จึงเป็นโซลูชันที่สำคัญในการช่วยองค์กรปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลอย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

 


สำหรับใครที่สนใจการใช้ Private Cloud มาช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับธุรกิจ

เลือกใช้ READY IDC  เป็นผู้ช่วยคนใหม่…ให้คุณ

If interested, please contact or inquire for additional service details at

Email: [email protected]. หรือ www.readyidc.com

หรือโทรติดต่อได้ที่ 080 – 236 – 2399

We use cookies to improve your experience and performance on our website. You can learn more at Privacy Policy and manage your privacy settings by clicking Settings.

Privacy Preferences

You can choose your cookie settings by turning on/off each type of cookie as you wish, except for essential cookies.

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Necessary cookies
    Always Active

    Cookies are essential for the website to function properly and you cannot disable them in our website.

Save