ในยุคของโลกออนไลน์ สังคมออนไลน์ถือได้ว่าเป็นสังคมที่มีขนาดใหญ่มากที่สุด หากมองในแง่ของธุรกิจแล้ว โลกออนไลน์ ก็ถือเป็นช่องทางที่น่าสนใจในการทำธุรกิจอย่างมาก และจะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้
การทำ SEO (SEO Friendly) คือการตลาดในยุคปัจจุบันที่ได้รับความนิยมอย่างมากในแวดวงธุรกิจ ที่มีความเหมาะสมกับปัจจุบัน โดยจุดประสงค์หลักของ SEO (SEO Friendly) คือ การทำให้เว็บไซต์ของเราขึ้นไปอยู่หน้าแรกหรืออันดับต้นๆของ Search Engine หรือบนหน้าการค้นหาบน Google ซึ่งช่วยเพิ่มจำนวน Traffic (ผู้เข้าเว็บไซต์) หรือยอดขายโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อโฆษณา และ Traffic ที่เข้ามานั้นจะเป็น Traffic ที่มีคุณภาพ และสนใจสินค้าเราจริง ๆ
“เมื่อ SEO (SEO Friendly) ใคร ๆ ก็ทำกัน แต่การจะทำให้ SEO (SEO Friendly) ของเรามีประสิทธิภาพ จะต้องมีตัวช่วยที่เหมาะสม อย่าง WordPress”
แล้วทำไม ? WordPress ถึงเหมาะแก่การทำ SEO (SEO Friendly)
WordPress เป็นโปรแกรมทำเว็บไซต์สำเร็จรูป หรือเรียกอีกอย่างว่า Content Management System รูปแบบหนึ่งก็ได้ WordPress มีหน้าที่ในการสร้าง-จัดการเนื้อหาบน Internet หรือให้บอกง่ายๆก็คือ ปกติแทนที่เราจะต้องดาวโหลดโปรแกรมทำเว็บหรือออกแบบสร้างเว็บไซต์บนคอมพิวเตอร์ของเรา เราเพียงแค่มาสร้างเว็บไซต์ด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป ที่มีเครื่องมือให้เราครบทุกอย่าง เรียกว่า Contents Management System หรือ CMS
โดยทั่วไปจะเขียนเว็บไซต์ขึ้นมาซักเว็บไซต์นึง เราอาจจะต้องเรียนรู้ และเขียนภาษา PHP HTML หรือ CSS ขึ้นมาเอง เพื่อให้มีหน้าเว็บไซต์ แต่สำหรับ WordPress นั้น เราสามารถใช้ WordPress สร้างเว็บไซต์โดยที่เราไม่ต้องมีความรู้เรื่องภาษาคอมพิวเตอร์เลย
เรามาดูข้อดีของการใช้ CMS WordPress กันบ้างดีกว่า
- ใช้ได้ไม่ยุ่งยาก WordPress นั้นมีความสะดวกต่อการใช้งาน เพราะเจ้าตัว CMS สามารถใช้งานได้บน Internet เลย ทุกอย่างอยู่บนเว็บไซต์ เราจึงไม่ต้องดาวโหลดติดตั้งโปนแกรมอะไรให้ยุ่งยากเหมือนเมื่อก่อน ที่เขียน HTML อาจต้องโหลด Dreamweaver หรือ Editor ต่าง
- ใช้ความรู้ Programming น้อยมาก ๆ เพราะว่าเราไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นสร้างเว็บจากที่ไม่มีอะไรเลย เพราะ WordPress มีพร้อมให้คุณทุกอย่างแล้ว ทั้งโครงสร้าง ทั้งรูปแบบให้เลือกมากมาย เพียงแค่เพิ่มเนื้อหาไปเท่านั้น
- Google Friendly แน่นอนว่าด้วยความที่WordPress เป็น CMS ที่มีคนใช้เป็นจำนวนมาก และทุกเว็บไซต์ต้องการให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับบน Google ตัว WordPress Theme ต่างๆเอง จึงออกแบบมาให้เข้ากับการทำอันดับ SEO (SEO Friendly) ของ Google อีกด้วย
พูดง่าย ๆ WordPress ก็คือโปรแกรมทำเว็บไซต์สำเร็จรูป ที่คนทั่วโลกใช้งาน ซึ่งพอมีคนใช้งานเยอะ มันจึงทำให้เป็นที่นิยมใช้งานกันมากที่สุด และพัฒนาเยอะที่สุด
10 เหตุผลทำไม WordPress ถึงเหมาะแก่การทำ SEO (SEO Friendly)
1.สร้างเว็บไซต์ได้ง่าย โดยไม่ต้องมีความรู้การเขียนโค้ด
จากที่บอกไปข้างต้นว่า WordPress เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปแบบ Contents Management System หรือ CMS ที่เข้าใช้งานผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ทันที ทำให้ใช้งานง่ายและมีรูปแบบเว็บไซต์ให้เลือกหลากหลายแบบตามต้องการ
2.อัพเดตข้อมูล เพิ่มเติมหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย
ปัจจัยสำคัญที่ช่วยในการทำ SEO (SEO Friendly) คือ การทำเว็บไซต์ให้สดใหม่อยู่เสมอ ผู้สร้างเว็บไซต์ควรจะอัพเดตข้อมูลและเพิ่มหน้าเว็บไซต์อยู่ตลอด ทั้งนี้เนื่องจาก WordPress มีระบบหลังบ้าน(Dashboard) จึงช่วยจัดการเนื้อบนเว็บไซต์ในอย่างสะดวกสบาย
3.มี Theme สำเร็จรูปให้เลือกหลากหลายแบบและสวยงาม
Theme เป็นส่วนที่กำหนดดีไซน์และการแสดงผลของเว็บไซต์ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นหน้าตาของเว็บไซต์นั่นเอง เพราะหากเว็บไซต์มีหน้าตาสวยงามแล้ว ก็จะช่วยให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมนั้นอยู่ในเว็บไซต์นานยิ่งขึ้นและทำให้ผู้เยี่ยมชมอยากจะกลับมาที่เว็บไซต์อีก ซึ่งแน่นอนว่าประสบการณ์การใช้งานเหล่านี้ต่างส่งผลต่อการทำ SEO ทั้งสิ้น นอกจากนี้ WordPress เองก็มี Theme ให้เลือกมากถึงหลายพันแบบและใช้งานง่ายเพียงดาวน์โหลดก็ติดตั้งได้เลยทันที
4. โครงสร้างเป็นมิตรกับ Google เหมาะต่อการทำ SEO (SEO Friendly)
Google ถือเป็นระบบ Search Engine ที่คนส่วนใหญ่ใช้เมื่อต้องการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต การสร้างเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับการจัดอันดับก็จะช่วยให้เว็บไซต์แสดงผลเป็นอันดับต้น ๆ ใน Google ได้ โดยการสร้างเว็บด้วย WordPress ก็มีโครงสร้างเว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับ Google ด้วย นอกจากนี้การทำ
SEO (SEO Friendly) ก็ยังเกี่ยวข้องกับการทำหน้าเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับการใช้งานบนสมาร์ทโฟน (Mobile Friendly) ด้วยเป็นการเพิ่มคะแนนให้กับเว็บไซต์ในการจัดอันดับ
5.จัดการ Metadata ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของ การทำ SEO (SEO Friendly) ได้อย่างสะดวก
WordPress เป็นโปรแกรมที่ช่วยจัดการ Metadata ได้อย่างสะดวก โดย Metadata คือส่วนที่ช่วยให้ Search Engine รู้ว่าหน้าเพจนั้น ๆ มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรบ้าง ประกอบด้วย Title คือชื่อของหน้าเพจ และ Meta Description คือคำอธิบายเกี่ยวกับหน้าเว็บไซต์ว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร ซึ่งไม่ควรสั้นหรือยาวจนเกินไป โดย Metadata จะอยู่ในส่วน Head ของ HTML ทั้งนี้ทั้งสองส่วนจะส่งผลต่อการทำ
SEO (SEO Friendly) เป็นอย่างมากและที่สำคัญควรคำนึงถึงการแทรก Keyword ลงไปใน Metadata ด้วย
6.สร้าง Permalinks กำหนด URL ให้เป็นมิตรกับ SEO (SEO Friendly) ได้ง่ายๆ
Permalinks เป็นการแสดงผล URL หรือเป็นการตั้งลิงก์แบบถาวรให้กับเว็บไซต์ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการสร้างเว็บไซต์และการทำ SEO (SEO Friendly) อย่างยิ่ง เพราะ URL ที่สวยงามจะช่วยให้ผู้อ่านจดจำเว็บไซต์ได้ง่ายมากกว่า ผู้ใช้ WordPress สามารถสร้าง Permalinks ได้ง่ายๆ ด้วยการตั้งค่าที่ Permalink Setting โดยเบื้องต้นจะแสดงผลในรูปแบบ ID ของโพสต์ แต่ก็มี Permalink ให้เลือกอีกหลายแบบ เช่น แสดงเป็นวันและชื่อของบทความ แต่รูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Post Name เป็นการแสดงชื่อของบทความโดยตรง ช่วยให้ผู้อ่านจำชื่อบทความได้ง่ายมากขึ้น
7.ปรับแต่งขนาดรูปภาพบนเว็บไซต์อัตโนมัติ
รูปภาพที่ปรากฏในเว็บไซต์เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ส่งผลต่อการทำ SEO (SEO Friendly) เพราะนอกจากรูปภาพจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดในคนเข้ามาในเว็บไซต์แล้ว ขนาดภาพก็ส่งผลต่อความเร็วของการดาวน์โหลดหน้าเว็บไซต์ (PageSpeed) ด้วยเช่นกัน โดย WordPress ก็มีระบบที่ช่วยปรับขนาดภาพให้เหมาะสมเพื่อลดระยะเวลาในการดาวน์โหลดหน้าเพจ ซึ่งช่วยเสริมสร้างประสบการณ์อันดีให้กับผู้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ นอกจากนี้ WordPress ยังสามารถใส่ Keyword ในคำบรรยายรูปภาพ หรือที่เรียกว่า alt (Alternative Text) ของแต่ละรูปภาพได้อย่างสะดวก เพื่อให้ Search Engine รู้ว่ารูปภาพนี้คืออะไร
8.มี Plugin ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO (SEO Friendly)
Plugin เป็นโปรแกรมส่วนเสริมที่ช่วยเพิ่มให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์อันดีกับเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น อีกทั้ง Plugin ก็มีให้เลือกหลายแบบ อย่างไรก็ตามควรเลือก Plugin ให้เหมาะสมกับเว็บไซต์มากที่สุดด้วย สำหรับ Plugin ที่เหมาะสมสำหรับการทำ SEO (SEO Friendly) เช่น Yoast SEO ที่ช่วยปรับแต่งบทความให้เหมาะกับทั้งผู้อ่านและ Search Engine
9.เชื่อมต่อกับ Social Media และกำหนดการแสดงผลได้อย่างสะดวก
ถึงแม้ว่าโซเชียลมีเดียจะไม่ได้เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำ SEO (SEO Friendly) โดยตรง แต่โซเชียลมีเดียอย่าง Facebook และ Twitter รวมไปถึงช่องทางอื่น ๆ ก็ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้มากยิ่งขึ้น และส่งผลต่อการจัดอันดับบน Search Engine นั่นเอง โดย WordPress ก็มี Plugin จำนวนมากเป็นตัวช่วยสำหรับเชื่อมต่อเว็บไซต์กับโซเชียลมีเดีย เช่น การเพิ่มปุ่มแชร์บทความลงบนโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ผู้อ่านแชร์บทความจากเว็บไซต์ได้ในทันที
10.มีการอัพเดตอยู่เสมอ และมีความปลอดภัยสูง
ความปลอดภัยเป็นหนึ่งในปัจจัยต่อการทำ SEO (SEO Friendly) เพราะหาก Search Engine ไม่สามารถตรวจจับระบบความปลอดภัยของเว็บไซต์ได้ Search Engine ก็จะทำเครื่องหมายไว้ว่าเว็บไซต์นี้เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน ทำให้ผู้ใช้งานไม่กล้าเข้ามาในเว็บไซต์อีกด้วย ด้วยเหตุนี้ WordPress จึงให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยด้วยระบบ WordPress Security ที่ช่วยอัพเดตความปลอดภัยให้กับเว็บไซต์อยู่เสมอ
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้ WordPress เหมาะกับการทำ SEO (SEO Friendly) เป็นอย่างมาก เนื่องจากใช้งานง่าย สะดวกสบายและปลอดภัย พร้อมทั้งมีเครื่องมือเสริมอย่าง Theme และ Plugin ให้เลือกใช้ได้อย่างหลากหลาย เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ได้แสดงผลเป็นอันดับต้นๆ บน Search Engine อย่าง Google นั่นเอง
สำหรับใครที่สนใจในการเริ่มทำ SEO (SEO Friendly) และยังไม่มั่นใจในการใช้ WordPress
READY IDC
ยินดีเป็นผู้ช่วยคนใหม่…ให้คุณ
สนใจติดต่อหรือสอบถามรายละเอียดการให้บริการเพิ่มเติมได้ทาง
Email: [email protected]. หรือ www.readyidc.com