ในยุค 4.0 นี้คงเคยได้ยินกันบ่อย ๆ กับ Cloud Technology หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่คุ้นชินกับคําศัพท์นี้ หรือรู้สึกว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ยังไม่ใช้กันแพร่หลายเท่าไหร่ แท้จริงแล้ว เรามีการใช้สิ่งเหล่านี้อยู่ในชีวิตประจําวัน โดยที่เราไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง ตัวอย่างเช่น iCloud, Dropbox, Google Drive หรือแม้กระทั่ง E-mail ก็คือ Cloud ในรูปแบบหนึ่งเช่นเดียวกัน โดย Cloud ที่ผู้คนใช้กันทั่วไปเป็นเพียงรูปแบบซอฟต์แวร์ ของ Cloud Technology หรือที่เรียกกันว่า Software-as-a-Services (SaaS) แต่ Cloud เอง ก็ยังมีแบ่งออกเป็นประเภทอื่น ๆอีกเช่นกัน เช่น Infrastructure-as-a-Service (IaaS) และ Platform-as-a-Service (PaaS)

Cloud Technology ที่เห็นได้ชัดเจนเลย คือ Google Drive ที่เราใช้เพื่อเก็บไฟล์แต่เราไม่เคยจําเป็นต้องไปสนใจว่า มันเก็บอยู่ที่ไหน เก็บอย่างไร มันมีการป้องกันอย่างไรเพื่อไม่ให้ข้อมูลที่เราอัพโหลดขึ้นไปไว้ในนั้นสูญหาย ถ้าพื้นที่เต็มจะขอเพิ่ม ต้องรอ Google ไปซื้อดิสก์มาก่อนไหม จะขอลดลงได้หรือไม่ จะเห็นได้ว่า เบื้องหลังของการให้บริการเหล่านี้เต็มไปด้วยความซับซ้อนมากมาย ดังนั้นจึงกล่าวโดยสรุปได้ว่าคือ Cloud Technology เป็นสิ่งที่จะเข้ามาช่วยลดความซับซ้อนให้แก่ผู้ใช้ให้ผู้ใช้ได้Focus กับ Product และธุรกิจของตนเองมากขึ้น และยกภาระงานเบื้องหลังที่เหลือให้Cloud Provider เป็นผู้รับผิดชอบแทนหลายคนสงสัยว่า ‘แล้วธุรกิจที่ไม่ได้เกี่ยวกับ IT จะใช้ประโยชน์อะไร ? จาก Cloud Technology ถึงแม้ว่าธุรกิจของท่านจะไม่ใช่ธุรกิจ IT โดยตรง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจําเป็นต้องมีระบบ IT ที่ใช้เพื่อจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ทั้งข้อมูลการซื้อขาย ข้อมูลลูกค้า รวมถึงระบบเก็บข้อมูลผลิตภัณฑ์อันเป็นหัวใจหลักของธุรกิจ เราเรียกระบบ IT ขององค์กรว่า IT Infrastructure ซึ่ง Cloud Technology ก็จะเข้ามามีบทบาทในส่วนนี้ในฐานะ IaaS หรือ หากมีธุรกิจมีศักยภาพในการทํา Software ก็สามารถนํา Software ไปทํางานอยู่บน IaaS หรือ PaaS บน Cloud ได้เช่นกัน

ต้นทุนถูกกว่า
ผู้ประกอบการ อาจจะรู้สึกว่า Cloud Technology ในส่วนของ IaaS มีราคาแพง หากนําราคาไปเทียบกับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วไป แต่ลืมมองถึงต้นทุนแฝงอื่น ๆ ของระบบ On-Premise ไป ทั้งในส่วนของค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายให้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ค่าระบบสํารองไฟฟ้า ค่าระบบทําความเย็น หรือแม้กระทั่งค่าใช้จ่ายในการทําห้องเซิร์ฟเวอร์ให้ได้มาตรฐาน ค่าต่ออายุประกันอุปกรณ์ค่าอุปกรณ์ชุดสํารองที่จะสามารถสลับขึ้นมาทํางานแทนหากอุปกรณ์หลักไม่สามารถทํางานได้โดยที่ข้อมูลไม่สูญหาย หรือสูญหายน้อยที่สุด ค่าระบบสํารองข้อมูลหากข้อมูลเสียหาย รวมถึงต้นทุน Man-Hour ของเจ้าหน้าที่ IT ที่เสียไปในการติดต่อซ่อมแซมอุปกรณ์ที่ชํารุด ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจที่ระบบไม่สามารถใช้งานได้ในระหว่างที่ชํารุด เป็นต้น

Cloud Technology ในส่วนของ IaaS จะเข้ามาตอบโจทย์ในส่วนนี้โดยการที่ระบบทั้งหมดจะอยู่ภายใต้ห้อง Data center ที่ได้รับรองมาตรฐาน มีระบบไฟฟ้าสํารอง และระบบทําความเย็น มีกล้องวงจรปิดบันทึกผู้เข้าออก มีการเข้ารหัสข้อมูลที่เก็บอยู่ในระบบ และมีมาตรฐานในการทําลายข้อมูลเมื่อ Hard Disk ที่ใช้เก็บข้อมูลเสียหาย มีระบบสํารองข้อมูลที่พร้อมให้ใช้ได้อย่างง่ายดาย ไม่มีความซับซ้อน มีระบบสํารอง ที่พร้อมขึ้นมาทํางานแทน เมื่อมีบางส่วนของระบบเสียหาย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับธุรกิจของผู้ใช้มากขึ้น ไม่เพียงแค่นั้น ระบบที่มีมาตรฐานซึ่งดูเหมือนออกแบบมาเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่นี้ยังอยู่ในราคาที่ธุรกิจกลุ่ม Startup และ SME สามารถเอื้อมถึงอีกด้วย

ความเสถียรและมั่นคง เชื่อถือได้
ปัญหาหลักของธุรกิจคือ ระบบ IT กลายมาเป็นส่วนสําคัญในธุรกิจ และหากระบบชํารุดไป ก็จะกระทบต่อธุรกิจ ส่งผลให้เสียโอกาสด้านต่าง ๆ หรือทําให้ประสิทธิภาพของธุรกิจลดลง ในการทําให้ระบบ onpremise มีความเสถียร หากเสียหาย ก็พร้อมกลับมาทํางานโดยเร็วที่สุดนั้น ในบางครั้งก็อาจจะต้องมีระบบสํารองที่พร้อมสลับเปลี่ยนมาทํางานแทนได้ทันทีต้องมีระบบคอยสํารองข้อมูลของแต่ละวัน หากข้อมูลเสียหาย ก็สามารถนํากลับมาได้ต้องคอยตรวจสอบให้แน่ใจอยู่เสมอว่าระบบสํารองข้อมูลสามารถใช้งานได้จริง ในบางครั้งก็อาจจะต้องการเครื่องที่จะใช้ทดสอบเอาข้อมูลสํารองมากู้คืน ซึ่งการทําสิ่งเหล่านั้นใช้เงินลงทุนสูง ทําให้ไม่ใช่ทุกกลุ่มธุรกิจจะสามารถมีระบบเหล่านั้นได้และต้องยอมรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น

Cloud Technology / ReadyCloud จาก ReadyIDC เกิดมาเพื่อแก้ปัญหานั้น โดยทําให้ระบบรองรับความเสถียรและความมั่นคงในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างของเครื่อง Controller ที่ดูแล Network Nodes, Storage Nodes และ Compute nodes เพื่อให้Nodes ทุกตัวทํางานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถเปลี่ยนย้ายได้ทันทีหากมีNode ใดเสียทําให้ไม่มีDowntime แต่อย่างใด มีระบบสํารองข้อมูลที่จัดเตรียมไว้ให้สามารถเชื่อถือได้ว่า เมื่อใช้งาน จะสํารองข้อมูล ณ เวลานั้นทันทีและสามารถนํามาใช้กู้คืนได้อย่างแน่นอน จึงมั่นใจได้ว่า ไม่ว่าจะธุรกิจใดก็ตาม ที่มาใช้งาน Cloud ก็จะได้รับความเสถียรและมั่นคงเช่นเดียวกับธุรกิจขนาดใหญ่ เพราะใช้มาตรฐานเดียวกัน

ปรับขนาดทรัพยากรได้ตามต้องการ
เมื่อธุรกิจโตขึ้น การใช้งานระบบก็จะสูงขึ้นตาม แต่การประเมินว่าต้องจัดซื้อระบบใหญ่เท่าใดมารองรับเผื่อไว้เป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาบริษัทจัดโปรโมชั่นสินค้า ซึ่งจะทําให้มีการใช้งานผิดปกติไปจากช่วงการใช้งานโดยทั่วไป

Cloud Technology / ReadyCloud จาก ReadyIDC สามารถตอบโจทย์ในส่วนนี้ได้เนื่องจากระบบ Cloud ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ใช้ทรัพยากรร่วมกัน ผู้ใช้แต่ละราย สามารถ เพิ่มหรือลด ขนาดของทรัพยากรได้ตามต้องการในระยะเวลาที่รวดเร็ว โดยควบคุมได้ง่ายดายผ่านหน้า User Interface ซึ่งหากต้องการทรัพยากรที่เพิ่มมากขึ้น ก็สามารถเพิ่มในระบบ Cloud ได้อย่างสบายๆ โดยที่ไม่ต้องวุ่นวายทําแผนคาดการณ์จัดซื้อ Hardware ล่วงหน้า ซึ่งอาจผิดพลาด และทําให้สูญเสียเงินลงทุนของบริษัทไปโดยเปล่าประโยชน์เพียงแค่คุณปรับเปลี่ยนการทํางานภายในไม่กี่คลิกเท่านั้น ทําให้คุณสามารถตอบสนองต่อธุรกิจที่เติบโตเร็วได้อย่างทันท่วงที

ลดความซับซ้อนของระบบ IT
การดูแลระบบ Infrastructure ขององค์กร ยิ่งมีขนาดใหญ่ และมีความซับซ้อนเท่าไหร่ ก็จะต้องการเจ้าหน้าที่เพิ่มมากขึ้น เพราะต้องดูแลรับผิดชอบตั้งแต่ระดับการจัดระบบไฟฟ้า ระบบทําความเย็นให้เพียงพอ หรือแม้กระทั่งการลากสายเชื่อมต่อกันในแต่ละอุปกรณ์การคอยตรวจซ่อมอุปกรณ์หรือเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใกล้ชํารุดล่วงหน้า ล้วนเป็นงานที่ซับซ้อน

Cloud Technology / ReadyCloud จาก ReadyIDC เข้ามาช่วยดูแลในส่วนนี้โดยลดความซับซ้อนของระบบ และเหลือเพียงส่วน Logical ให้ผู้ใช้จัดการ ผู้ใช้ไม่จําเป็นต้องทราบว่าเครื่องเซิร์ฟเวอร์เสมือน (VM)
ของตนเองอยู่บน Compute Node ใด ต่อสายยังไง หรือใช้Disk จาก Storage Node ไหน ผู้ใช้เพียงแค่ต้อง Focus ว่า VM ของตนเองขนาดเท่าใด มีDisk ขนาดเท่าไหร่ เพียงพอต่อระบบหรือไม่ เพียงเท่านั้น ซึ่งเมื่อเหลืองานที่ต้องดูแลลดลง ก็สามารถใช้เจ้าหน้าที่เพียงไม่กี่คนในการดูแลระบบขนาดใหญ่ได

ความปลอดภัย
Cloud Technology / ReadyCloud จาก ReadyIDC มีความปลอดภัยที่มากกว่า มีระบบความปลอดภัยตั้งแต่ระดับ Physical โดยที่ข้อมูลที่เก็บอยู่บน Hard Disk จะถูกเข้ารหัสไว้หากมีใครนําออกไป ก็จะไม่สามารถเอาไปเปิดอ่านได้และมั่นใจได้ในอีกระดับ ด้วยการที่ Cloud Provider จะมีการทําลายข้อมูลใน Hard disk ที่ชํารุดหรือใกล้ชํารุดเสมอ ในการจัดการกับ Hardware ต่างๆภายใน Data Center เจ้าหน้าที่จะสามารถเข้าถึงได้เพียงแต่ตู้เซิร์ฟเวอร์ที่กําหนด และมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพ และถูกตรวจสอบตลอดเวลา

เข้าได้ทุกที่ ทุกเวลา
การใช้ Cloud Technology ทําให้ข้อมูลไม่ได้ถูกเก็บอยู่แต่ภายในสํานักงานใหญ่หรือภายในสาขาของบริษัทอีกต่อไป ซึ่งนําไปสู่การตระหนักถึงว่า เพียงแค่มีอินเตอร์เน็ต ก็สามารถเข้าไปจัดการระบบ Cloud ของตนเองได้ผู้ใช้สามารถอยู่ที่ใดก็ได้เพื่อจะจัดการระบบ Cloud ที่ตนเองมีสิทธิ์ดูแล โดยที่ไม่จําเป็นต้องเดินทางไปยังออฟฟิศ สามารถทําการแก้ไขระบบ นอกเวลาการทําการของบริษัทได้เช่นกัน แต่ก็อย่าลืมจัดการ Work-Life Balance ของตนเองให้ดีไม่เช่นนั้น Work Anywhere Anytime ก็อาจจะเป็นฝันร้ายของคุณได้เช่นกัน

หัวใจที่สําคัญของ การใช้งาน Cloud Technology / ReadyCloud จาก ReadyIDC คือ การคิดค่าใช้บริการตามการใช้งานจริง โดยสามารถปรับเปลี่ยนแผนค่าใช้จ่ายได้ตามต้องการ ซึ่งต่างกับ Infrastructure แบบเดิมที่ต้องลงทุนค่า Hardware ขนาดใหญ่ด้วยเงินก้อนโต และปล่อยทรัพยากรบางส่วนให้ถูกทิ้งไม่ได้ใช้งานหลายเดือน เพราะโปรเจคยังไม่ได้เริ่มต้น แต่ต้องมีทรัพยากรเผื่อไว้เพราะจะใช้ในปีเดียวกัน

ใช้เท่าไหร่จ่ายเท่านั้น
เป็นข้อดีของ Cloud Technology / ReadyCloud จาก ReadyIDC เนื่องจากผู้ใช้จ่ายเพียงเท่าที่ตนเองได้จองไว้ใช้งาน ผู้ใช้ไม่จําเป็นต้องขอทรัพยากรเผื่อล่วงหน้า แต่ทรัพยากรนั้นมีพร้อมที่จะให้ขอใช้อยู่เสมอ เมื่อถึงเวลาที่ต้องการจะใช้

หากใครกําลังมองหา Cloud Technology ที่ได้มาตราฐานมีประสิทธิภาพบริการแบบ 24×7 เราขอแนะนําบริการ ReadyCloud จาก ReadyIDC

“READY IDC”
ยินดีเป็นผู้ช่วยคนใหม่…ให้คุณ

สนใจติดต่อหรือสอบถามรายละเอียดการให้บริการเพิ่มเติมได้ทาง
Email: [email protected] หรือ www.readyidc.com

By Ready IDC